ซากีนะ เล่าถึงวันเกิดเหตุว่า ก่อนเที่ยงไม่นาน สามีของเธอได้ยินเสียงปืน 1 นัด จากนั้นได้ยินเสียงปืนมาเป็นชุดประมาณ
ซากีนะ เล่าถึงวันเกิดเหตุว่า ก่อนเที่ยงไม่นาน สามีของเธอได้ยินเสียงปืน 1 นัด จากนั้นได้ยินเสียงปืนมาเป็นชุดประมาณ 4 ชุด เวลาล่วงเลยไปจนประมาณหนึ่งทุ่ม ญาติของเธอมาบอกว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว ตอนแรกที่ได้ยินเธอไม่เชื่อเลยว่าเป็นลูกของเธอ
“ลูกคนนี้เสียชีวิต แม่รู้สึกหมดหวังเพราะว่าเขาคือเสาหลักของครอบครัว ทั้ง 3 คน ไม่มีคดีอะไรเลยที่ติดตัว เป็นคนบริสุทธิ์ทั่วไป เรื่องยาเสพติดก็ไม่มีหมายจับก็ไม่มี ลูกเราบริสุทธิ์จริง ๆ สิ่งที่เขาบอกว่าลูกเราเป็นก่อการร้ายนี่เราเสียใจมาก ๆ”
ผ่านไป 3 วัน หลังเกิดเหตุพรากชีวิตลูกไป เธอยังไม่ได้นอน
“พอจะหลับก็นึกถึงลูก ก็ตื่นมาร้องไห้”
เธอถามเจ้าหน้าที่ว่า หากสงสัยในตัวลูกเธอ “ทำไมคุณไม่จับเลย ทั้ง ๆ ที่มีเจ้าหน้าที่เยอะ… ถ้าผิดก็ว่าไป ทำผิดไม่ใช่ไปยิง เหมือนคนมลายูที่นี่ไม่มีราคา”
มาหามะรอยาลี สะมะเเอ พ่อของนายมะนาซี ผู้เสียชีวิตวัย 27 ปี บอกกับบีบีซีไทยว่า ลูกชายขึ้นเขาไปไม่ได้นำอะไรขึ้นไปเลย เมื่อเกิดเหตุนี้ เขามองว่าเป็นเรื่องที่ เจ้าหน้าที่กระทำเกิดกว่าเหตุ ทั้งที่สามารถพูดคุยได้
เขาบอกอีกว่าเสียใจที่ต้องรอคอยร่างไร้วิญญาณของลูกชายนานกว่า 30 ชั่วโมง ซึ่งตามหลักศาสนาอิสลามแล้วจะต้องประกอบพิธีทางศาสนาภายในเวลา 24 ชั่วโมง
“ในช่วงที่จะลงมานั้นนานมาก ชาวบ้านจะขึ้นไปเจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้ขึ้นไป ขอกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่ให้ขึ้นไป อันนี้แหละที่ผมรู้สึกเสียใจเวลามันผ่านไปล่วงเลยเยอะมาก” มาหามะรอยาลี บอก
ซูไรดา อิสมารอฮิม ภรรยาของนายบูดีมัน มะลี ผู้เสียชีวิตอายุ 26 ปี บอกว่า สามีประกอบอาชีพเป็นช่างซ่อมและเก็บผลไม้ แต่ในช่วงฤดูฝนไม่มีงานอะไรก็ขึ้นไปรับจ้างตัดไม้ ขึ้นไปแต่ละครั้ง 4-5 วัน แล้วก็ลงมา ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาขึ้นไป
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ที่ทำงานด้านช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐนำคนผิดมาลงโทษทางอาญาให้ถึงที่สุด โดยขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานอัยการสูงสุดที่เป็นหน่วยงานพลเรือน ทำหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาอย่างเป็นอิสระจากอิทธิพลของกองทัพ
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาเช้าของวันที่ 16 ธ.ค. แต่กระบวนการส่งมอบศพให้กับชาวบ้านเพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาใช้เวลามากกว่า 30 ชั่วโมง เพราะต้องส่งร่างของทั้ง 3 ไปยังโรงพยาบาลระแงะเพื่อทำการชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอนของกฎหมาย
ด้านสำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา(LEMPAR) ออกแถลงการณ์ระบุว่า รัฐควรมีมาตรการที่สามารถแก้ข่าวที่ไม่จริงให้ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นและสอดรับกับการแถลงข่าวของแม่ทัพภาค 4 เพื่อแสดงถึงความจริงใจที่จะป้องกันการตัดสินที่ผิดพลาดของสังคมสาธารณะต่อครอบครัวผู้สูญเสีย