จากกรณีกลุ่มคนร้ายบุกถล่มป้อมชรบบ้านทุ้งสะเดา หรือบ้านย่อยทางลุ่ม ตลำพยา อเมือง จยะลา
วันที่ 6 พ.ย. จากกรณีกลุ่มคนร้ายบุกถล่มป้อมชรบ.บ้านทุ้งสะเดา หรือบ้านย่อยทางลุ่ม ต.ลำพยา อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 15 ศพ บาดเจ็บ 5 ราย หลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ทำให้ชาวบ้านรู้สึกเศร้าสลดและสะเทือนใจกับความสูญเสียคร้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมรวมตัวกันเพื่อแสดงพลังต่อต้านไม่เอาความรุนแรง ที่วัดสิริปุณณาราม ต.ลำพะยา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา
น.ส.ธิดารัตน์ ยอดแก้ว หนึ่งในผู้สูญเสียทั้งพ่อและแม่ในเหตุการณ์นี้ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ตนไปทำกับข้าวให้กับชุดชรบ.ที่ป้อม เพื่อจะได้รับประทานอาหารร่วมกัน เมื่อทำกับข้าวเสร็จก็เดินกลับมาบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนักจากจุดเกิดเหตุ จากนั้นพ่อและแม่ ก็แต่งตัวออกไปปฏิบัติหน้าที่เฝ้าเวรรักษาความปลอดภัยที่ป้อมชรบ. ตอนนั้นก็ไม่มีความผิดปกติ หรือลางบอกเหตุร้าย แต่ในช่วงที่ตนทำกับข้าวอยู่นั้นได้ทำแกงสับนกไหม้ ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นลางบอกเหตุ ก็แค่เปลี่ยนหม้อแกงใบใหม่แล้วกลับบ้าน
“จากนั้นในช่วงกลางดึก ได้ยินเสียงระเบิด เสียงปืน ตอนนั้นรู้เลยว่า ต้องเป็นจุดป้อมชรบ.ที่พ่อกับแม่ไปเข้าเวรแน่ เสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ แต่ก็ดีใจที่พ่อกับแม่ได้เสียสละทำหน้าที่อย่างที่ดีที่สุดแล้ว เพราะคนที่รอดชีวิตมาได้ เล่าว่า พ่อใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับกลุ่มคนร้ายจนกระสุนปืนหมด ก่อนที่จะถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต”
ด้านนายณรงฤทธิ์ หนึ่งในผู้รอดชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เล่าให้ฟังว่า ช่วงเกิดเหตุการณ์ได้ยินแต่เสียงปืนที่คนร้ายยิงเข้ามารอบทิศ ทุกคนในป้อมชรบ.ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับกลุ่มคนร้ายที่อยู่ภายนอกจนกระสุนปืนทุกกระบอกหมด คนร้ายก็ยังระดมยิงและปาระเบิด รวมทั้งยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่จนมีผู้เสียชีวิตในป้อมจำนวนมาก แต่คนร้ายก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ก่อนจะพากันหนีไป
สำหรับศพผู้เสียชีวิตทั้ง 15 รายนั้น เป็นมุสลิม 2 ราย ญาตินำตัวไปประกอบพิธีฝังทางศาสนาแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 13 ราย ได้แยกเก็บศพไว้ที่ร.พ.ยะลา ร.พ.สิโรรส และร.พ.โรงสิริรัตนลักษณ์ ในศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า ซึ่งจะเคลื่อนย้ายศพทั้ง 13 รายในวันที่ 7 พ.ย.เวลา 08.00 น.เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาพร้อมกันที่วัดสิริปุณณาราม ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา