จากกรณีโลกโซเชียล มีการกล่าวถึงสาวรายหนึ่ง ซึ่งออกมาเปิดเผยเรื่องราว
จากกรณีโลกโซเชียล มีการกล่าวถึงสาวรายหนึ่ง ซึ่งออกมาเปิดเผยเรื่องราวเป็นอุทาหรณ์ให้กับทั้งร้านอาหารและผู้บริโภค เมื่อเธอไปซื้อโจ๊กถุงกลับมารับประทานที่บ้าน ปรากฏว่า ที่ร้านใช้ปากกาเมจิกสีชมพูเขียนข้างถุง ก่อนที่จะพบว่าเมื่อเทโจ๊กเตรียมรับประทาน โจ๊กในถุงดังกล่าวกลับมีสีชมพูเหมือนกับปากกาเมจิกที่ทางร้านนำมาเขียนไว้ข้างถุง
ด้าน ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น ผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ “Jessada Denduangboripant” อธิบายสาเหตุ พร้อมแนบข้อมูลจาก เพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว” ประกอบ ว่า เมื่อมีเหตุการณ์ที่สีหมึกซึมทะลุจากภายนอกถุงเข้าไปเปื้อนโจ๊กในถุง หลายๆคนก็คงจะสงสัยว่า ทำไมหมึกที่อยู่อีกด้านจึงสามารถที่จะทะลุเข้าไปด้านในได้ จากที่ดู พอจะเดาว่าปากกาเมจิกที่ใช้เขียนถุงพลาสติกเหล่านี้น่าจะเป็นปากกาที่เรามักจะเรียกกันเป็นภาษาชาวบ้านว่า “ปากกาเคมี” หรือ Permanent marker ซึ่งปกติแล้วสีย้อมที่นำมาใช้ทำเป็นหมึกปากกาเคมีเหล่านี้มักจะเป็น “สีประจุบวก” (cationic dyes) ที่มักจะเป็นสีในกลุ่มของ “ไตรเอริลมีเธน” (Triarylmethane dyes) และนิยมนำมาละลายในตัวทำละลายอินทรีย์ชนิดต่างๆ เช่น Ethyl acetate, Acetone, Isopropyl alcohol หรืออาจจะเป็น Ethanol ก็ได้ เนื่องจากว่าสีเหล่านี้มีความเข้มสูง และสีเหล่านี้เมื่ออยู่ในตัวทำละลายอินทรีย์ที่มีขั้วปานกลางเหล่านี้ก็จะทำให้มันมีแรงตึงผิวที่ต่ำพอจนทำให้สามารถเกาะบนผิวพลาสติกที่ไม่มีขั้วอย่าง PP หรือ HDPE ที่นำมาทำเป็นถุงพลาสติกได้ดี
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาความแตกต่างที่มากเหลือเกินของ “ความมีขั้วจากประจุบวกของสีย้อม” กับ “ความไม่มีขั้วของพลาสติก” เหล่านี้จึงทำให้สีนั้นสามารถเกิดการ “เคลื่อนตัวหนีจากพลาสติกได้เสมอ” ถ้ามีพลังงานที่มากพอและมีสิ่งที่มีขั้วที่ใกล้เคียงกับสีย้อมตัวนั้นมาดักรออีกฝั่งด้วย (เนื่องจากเคมีของสีและถุงพลาสติกนั้นไม่ตรงกัน และที่มาอยู่ด้วยกันตอนแรกเพราะโดนบังคับมาจากการกดขี่หัวปากกาใส่ถุงพลาสติก) และเมื่อเรานำถุงพลาสติกที่ไม่มีขั้วเหล่านี้มาใส่อาหารร้อน ๆ พลังงานความร้อนนั้นก็สามารถที่จะทำตัวเป็น “พลังงานกระตุ้น” (Activation energy) ทำให้เกิดการเคลื่อนตัว และทำให้เกิด “การแพร่” (Diffusion) ของสีย้อมได้ดีขึ้น และในขณะเดียวกันนั้น พลังงานความร้อนนั้นก็จะทำให้โมเลกุลของพลาสติกเกิด “ปริมาตรอิสระ” (Free volume) มากพอที่จะทำให้สีนั้นเกิด “ความซน” ที่จะเคลื่อนตัวไปไหนต่อไหนได้อิสระมากขึ้น ปกติแล้วอุณหภูมิที่สูงขึ้นนั้นจะทำให้เกิดการแพร่ของสีย้อม และทำให้เกิดการเปิดโครงสร้างของพอลิเมอร์ทำให้เป็นปริมาตรอิสระได้ดีขึ้นตามสมการของอารีเนียส (Arhenius equation) ดังสมการ D = D₀ ยกกำลัง (-E / RT) อยู่แล้ว แน่นอนว่า ในถุงโจ๊กนั้นมีทั้งคาร์โบไฮเดรตจากแป้ง โปรตีนจากไข่และเนื้อหมูสับที่ละลายอยู่ในน้ำซุปร้อน ๆ นั้น ต่างก็เป็นโมเลกุลที่มีขั้ว (polar molecule) ที่มากกว่าถุงพลาสติกเป็นไหน ๆ ดังนั้นเมื่อสีย้อมที่มีขั้วนั้นได้เจอกับโมเลกุลที่มีขั้วเหมือน ๆ กัน ตามทฤษฎี “Like dissolves like” หรือตามภาษาความรักก็เรียกว่า “เคมีตรงกัน” ก็จะทำให้สีย้อมนั้นรีบปรี่เข้าไปหาโมเลกุลที่มีขั้วของอาหารในถุงอย่างไม่คิดชีวิตกันเลยทีเดียว และแน่นอนว่าสีย้อมเหล่านี้ไม่ใช่ “สีผสมอาหาร” ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ จึงไม่ควรนำปากกาเคมีเหล่านี้มาเขียนบนถุงพลาสติกที่ใส่อาหารโดยตรง และถ้าผู้ซื้อเห็นว่าสีเลอะแล้วก็ควรจะ “ทิ้งไป” ซะ แต่ถ้าเผลอทานไปแล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไรมาก เพราะความเข้มสีที่เห็นนั้นมีน้อยกว่าปริมาณอันตรายพอสมควร