ความคืบหน้ากรณีรถกระบะที่นำนักศึกษาเทคนิคที่เลิกจากงานเสียหลักพุ่งชนเสาไฟ
กรณีรถกระบะที่นำนักศึกษาเทคนิคที่เลิกจากงานเลี้ยงฝึกงานเสร็จและดูคอนเสิร์ตหมอลำกลับที่พัก เสียหลักพุ่งชนเสาไฟส่องสว่าง จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 ศพ และบาดเจ็บสาหัส 6 คน บริเวณปากซอยกิ่งแก้ว 21 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
วันที่ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 6 บ้านจานทุ่ง ต.น้ำอ้อม อ.ค้อวัง จ.ยโสธร ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ นายโชคชัย ทานนท์ อายุ 20 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ แผนกช่างยนต์ ที่เสียชีวิต หลังจากที่ศพถูกส่งกลับมาถึงบ้านเกิดเมื่อช่วงเวลา 03.00 น.ที่ผ่านมา ซึ่งญาติพี่น้องรวมทั้งชาวบ้านกำลังช่วยกันกางเต็นท์จัดสถานที่จัดงานศพแบบเรียบง่ายท่ามกลางความโศกเศร้าของพ่อแม่และญาติพี่น้อง
นางนิตยา ทานนท์ อายุ 43 ปี แม่ของนายโชคชัย บอกว่า ตนมีลูกชายเพียงคนเดียวจึงเป็นความหวังของพ่อแม่ที่จะได้พึ่งพาในอนาคต ซึ่งลูกชายก็เคยรับปากกับตนว่าหลังเรียนจบจะกลับมาเปิดร้านซ่อมรถ
เพื่อสร้างฐานะและจะหาเงินให้พ่อกับแม่ใช้ แต่ความฝันต้องล่มสลายเมื่อลูกชายมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตกะทันหัน ลูกชายเป็นคนเรียนเก่งมาตั้งแต่เด็กไม่มีนิสัยเกเร ขยันช่วยเหลือครอบครัวทำมาหากินมาโดยตลอด จนกระทั่งได้เดินทางไปฝึกงานที่ จ.สมุทรปราการกับเพื่อนๆ ที่เรียนอยู่ด้วยกัน
โดยก่อนวันที่จะได้รับข่าวร้าย ในช่วงกลางวันขณะที่ตนนั่งเล่นอยู่ใต้ถุนบ้านตนได้ยินเสียงคนเดินอยู่บนบ้านชั้นสอง
ซึ่งตนจำได้ว่าเป็นเสียงเดินของลูกชายอย่างแน่นอนเพราะตนจำเสียงเดินของลูกชายได้แต่พอขึ้นไปดูก็ไม่มีอะไรแต่พอตกค่ำก็ปรากฏว่ามีสุนัขมาเห่าหอนอยู่รอบๆ บ้านของตัวเองโดยไม่ทราบสาเหตุตนให้สามีไปไล่สุนัขมันก็ไม่ยอมหนีไปไหนยังคงเห่าหอนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งประมาณ 1 นาฬิกาเศษ จึงได้รับโทรศัพท์ว่าลูกชายตนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางต่อไปที่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 5 บ้านน้ำอ้อม ต.น้ำอ้อม อ.ค้อวัง ซึ่งเป็นบ้านพักของ นายสุริยันต์ สีถาน อายุ 20 ปี เพื่อนรักของนายโชคชัย ทานนท์ ที่เสียชีวิตด้วยกัน ซึ่งนางทิพพากรณ์ สีถาน อายุ 43 ปี แม่ของนายสุริยันต์ บอกว่า ลูกชายตนเป็นเพื่อนรักกับนายโชคชัย เรียนหนังสือมาด้วยกันตั้งแต่เด็กไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นประจำ
หลังเรียนจบชั้น ม.3 จากโรงเรียนค้อวังวิทยาคม พากันไปสมัครเรียนต่อที่วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ แผนกวิชาช่างยนต์ ด้วยกันและพากันเดินทางไปฝึกงานที่ จ.สมุทรปราการด้วยกัน จนสุดท้ายต้องมาตายด้วยกันอีก
ซึ่งก่อนเกิดเหตุผู้เป็นพ่อซึ่งมีอาชีพขายไอศกรีมอยู่ในกรุงเทพฯ ทำสร้อยคอที่ห้อยพระเครื่องอยู่เป็นประจำขาด
พ่อจึงเชื่อว่าต้องมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับครอบครัวของตนอย่างแน่นอนจนกระทั่งวันต่อมาก็มาทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกับเพื่อนๆ รวม 13 ศพ
ทั้งนี้ ทั้ง 2 ศพ มีกำหนดการที่จะเคลื่อนศพไปทำพิธีฌาปนกิจศพที่วัดประจำหมู่บ้านของแต่ละคนในวันพุธที่ 2 ต.ค. นี้