บิ๊กตู่นำคณะลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีท่ามกลางแรงกดดัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะรัฐมนตรีและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีอีกครั้ง ท่ามกลางแรงกดดัน และกระแสวิจารณ์ต่อการช่วยเหลือของรัฐบาล เพื่อเยี่ยมเยียนผู้ประสบอุทกภัยที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวบ้านหนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พร้อมติดตามแผนเตรียมการฟื้นฟูเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย รวมทั้งแนวทางบริหารจัดการน้ำ และการให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ จากภาครัฐ
ทั้งนี้ อธิบดีกรมชลประทาน รายงานว่าภายใน 10 วัน หรือไม่เกินวันที่ 29 กันยายนนี้ หากไม่มีปริมาณฝนเพิ่มเติม ปริมาณน้ำที่ท่วมขังอยู่ในพื้นที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพภูมิอากาศและให้ความเชื่อมั่นกับชาวอุบลราชธานี ว่า จนถึงสิ้นเดือนนี้ ไม่มีพายุเคลื่อนเข้าอุบลราชธานีหรือประเทศไทยตามที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ แต่อาจมีกลุ่มฝนบ้างในบางพื้นที่ และมีเพียงปรากฏการณ์อากาศเย็นชั่วคราวที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 กันยายนนี้ ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางส่วน
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับเจ้าหน้าที่ที่มาคอยต้อนรับว่า ไม่ต้องมารับจำนวนมาก เพื่อจะได้ไปทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน วันนี้มาเยี่ยมประชาชน เพื่อนำความห่วงใยของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาฝากประชาชน โดยมีรับสั่งให้รายงานสถานการณ์ทุกวัน พร้อมแจ้งมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ เพื่อฟื้นฟูภายหลังน้ำลด ช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนสำหรับประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบการด้วย เตรียมออกมาตรการเพิ่มเติม รวมทั้งประชุมหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์นี้
พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลนี้ไม่ขี้เหนียว แต่ต้องรอบคอบ เพื่อไม่ให้มีคดีความ ก่อนที่จะถามหา ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งได้รับเลือกตั้ง 2 พรรคการเมือง คือ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย แต่วันนี้มีเพียง ส.ส.ประชาธิปัตย์ มาต้อนรับ ไม่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาด้วย ถือว่าใช้ไม่ได้ เพราะทุกคนควรจะหันมาร่วมมือกัน ไม่ใช่คอยแต่จะเลื่อยขานายกรัฐมนตรี หาก ส.ส.พรรคไหนไม่มาร่วม ครั้งหน้าก็ไม่ต้องไปเลือก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนเดือดร้อน จะต้องร่วมมือกัน ก่อนติเตียนการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ยกตัวอย่างพื้นที่น้ำท่วมสูงไม่พ้นขาสุนัข พอมีคนเข้าไปช่วยต่างชื่นชม แต่คนที่ลุยน้ำสูงยากลำบากกลับไม่ได้รับความสนใจ
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า ในหลวงทรงให้แบ่งแยกพื้นที่ผู้ได้รับผลกระทบเพื่อดูแล ซึ่งรวมความเสียหายแล้วพบว่ามีกว่า 3 ล้านครอบครัว ที่ต้องมีการทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน โดยต้องมีศูนย์ประสานสื่อคอยให้ข้อมูล พร้อมกับประณามผู้ที่ขโมยของชาวบ้านที่ประสบอุทกภัย และให้เจ้าหน้าที่พูดภาษาชาวบ้านอย่าใช้ภาษาราชการ เพื่อจะได้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องการช่วยเหลือได้มอบให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดูแล โดยมีหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือ มีระเบียบกระทรวงการคลังอยู่แล้ว จึงต้องสร้างการรับรู้ เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งสำรวจความเสียหาย และยืนยันว่าจะต้องดูแลให้ทั่วถึงไม่ใช่แค่ผู้ว่าราชการจังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แต่รวมถึง ส.ส.ด้วย หาก ส.ส.ไม่มา ก็อย่าไปเลือกเขาในสมัยหน้า ทั้งนี้ ในเรื่องการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย รัฐบาลไม่สามารถแจกเงินคนละ 1,000 บาทได้ เพราะอาจจะไม่เพียงพอ โดยขณะนี้มีเจ้าหน้าที่พร้อมที่จะช่วยเหลือในการซ่อมแซมบ้านให้กับประชาชนแล้ว เพียงแค่รอน้ำลดเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องใส่ใจ เพราะนายกรัฐมนตรีต้องแก้ปัญหาให้ได้ มีกรมสุขภาพจิตดูแลความเครียดของชาวบ้านแล้วก็อย่าลืมดูแลนายกรัฐมนตรีด้วย และยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมดูแลประชาชนทุกด้านแต่จะต้องรอบคอบ
นอกจากนี้ ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรียังถามชาวบ้านว่ามีใครไม่สบายใจหรือไม่ เจอหน้านายกรัฐมนตรีเหมือนเจอจำเลยหรือเปล่า ซึ่งชาวบ้านก็บอกว่าดีใจที่ได้เจอนายกรัฐมนตรี