หมอคนหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวผ่านทางเฟซบุ๊ก หลังจากไปเจอเฟซบุ๊กของญาติคนไข้
หมอคนหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวผ่านทางเฟซบุ๊ก Jirasak Tumprayoch หลังจากไปเจอเฟซบุ๊กของญาติคนไข้ ที่โพสต์ด่าหมอด้วยคำหยาบคาย ใจความว่า
ถ้าหมอยังเดินไปเดินมาไม่ทำอะไร รับรองว่าอีกไม่นานโดนตบแน่ๆ ซึ่งมีการแอบถ่ายภาพของหมอโพสต์ลงเฟซบุ๊กด้วย
ทั้งที่มีป้ายห้ามถ่ายภาพและคลิปวิดีโอติดอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ซึ่งระบุเวลาโพสต์คือ 19.35 น.
โดยข้อความจากคุณหมอบอกว่า "เคสนี้ ผู้ปกครองพาเด็กมาตรวจเวลา 18.30 น. เมื่อวาน ด้วยเรื่องเป็นไข้ ไอ มีน้ำมูก มา 3 วัน ปวดหูมา 6 ชม.
ในขณะนั้น มีคนไข้ไตวายเรื้อรัง,คนไข้โรคหัวใจ รวมทั้งเด็กอีก 3 คนกินเห็ดพิษแล้วตับอักเสบ กำลังรักษาอยู่ในห้องฉุกเฉิน ทั้งข่มขู่+ถ่ายรูปผมลงอินเตอร์เน็ต เจอกันโรงพักนะครับ"
ซึ่งภายหลังจากที่หมอโพสต์เรื่องดังกล่าว ชาวโซเชียลก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย ซึ่งต่างสนับสนุนให้คุณหมอแจ้งความเอาผิดญาติคนไข้ให้เป็นกรณีตัวอย่าง และขออย่าให้ผู้บริหารโรงพยาบาลไกล่เกลี่ยใดๆ ให้เอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ในขณะเดียวกัน บางความเห็นก็พยายามแสดงความเห็นกลางๆ ในมุมของคนไข้ว่า อาจไม่ทราบสถานการณ์ว่าในห้องฉุกเฉินมีผู้ป่วยวิกฤต บางทีไม่มีการแจ้งว่าทำไมต้องรอนานแค่ไหน และจะต้องรออีกนานเท่าไหร่ เห็นหมอ พยาบาลเดินไปเดินมาก็ไม่รู้ว่าทำอะไรกัน
บางทีแค่การสื่อสารกับคนไข้อาจจะลดความตึงเครียดของทั้งสองฝ่ายได้ แต่อย่างไรก็ตาม การแอบถ่ายภาพโพสต์โซเชียลในทางเสียหายก็ถือเป็นความผิด
อย่างไรก็ตาม มีบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาให้ความรู้ด้วยว่า การตรวจห้องฉุกเฉิน ไม่จำเป็นต้องตามคิวเสมอไป หมอจะพิจารณาคนไข้ที่ฉุกเฉิน อันตรายต่อชีวิตมาก่อน
ซึ่งเกณฑ์ในการวัดว่าฉุกเฉินของหมอก็เป็นรูปธรรม วัดได้จากความดัน ชีพจร ออกซิเจนในเลือด หากตรวจแล้วยังปกติดี ความดันไม่ต่ำ ชีพจรปกติก็ไม่ฉุกเฉิน ยังรอได้