มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับสามของมะเร็งอวัยวะ
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก เกิดจากอะไร
เยื่อบุโพรงมดลูก คือ เยื่อเมือกบุภายในโพรงของมดลูก มีหน้าที่รองรับการฝังตัวของไข่ที่ผสมกับตัวอสุจิ โอบอุ้มไข่ที่จะค่อย ๆ เจริญเติบโตเป็นทารก ซึ่งในแต่ละเดือนเยื่อบุโพรงมดลูกจะถูกกระตุ้นจากฮอร์โมนเพศหญิงให้มีความหนาขึ้นเพื่อรองรับการฝังตัวของไข่ แต่หากไม่มีการปฏิสนธิ เยื่อบุโพรงมดลูกก็จะหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน วนไปอย่างนี้เป็นวงจรหนึ่งของการสืบพันธุ์ แล้วอย่างนี้มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเกิดจากอะไรได้บ้าง สาว ๆ ตามมาดู
- น้ำหนักตัวเกิน และโรคอ้วน
- ไม่เคยตั้งครรภ์ หรือมีบุตรน้อย (ต่ำกว่า 2 คน)
- มีภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง
- มีประจำเดือนเร็วกว่าคนทั่วไป (ช่วงอายุ 12-13 ปี)
- หมดประจำเดือนช้ากว่าปกติ (หลังอายุ 55 ปี ขึ้นไป)
- เป็นโรคเบาหวาน
- เป็นความดันโลหิตสูง
- กินยาเพิ่มฮอร์โมนเพศหลังหมดประจำเดือนแล้ว
- กินยาฮอร์โมนเพื่อรักษามะเร็งเต้านม (ยา Tamoxifen)
- ชอบกินอาหารไขมันสูง
- กินสมุนไพรที่มีเอสโตรเจนสูง เช่น กวาวเครือ เป็นประจำ
- มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่
- พันธุกรรม
- มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- มีฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไป ส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาผิดปกติ (หนากว่า 7 มิลลิเมตร)
ทั้งนี้มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกจะพบได้บ่อยในสตรีสูงอายุ (อายุ 60-70 ปี) และผู้ป่วยมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกร้อยละ 95 จะมีอายุ 40 ปี ขึ้นไป แต่ก็พบได้ในหญิงอายุต่ำกว่า 40 ปี ประมาณ ร้อยละ 5 เช่นกัน
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก อาการเป็นอย่างไร
อาการมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกสังเกตได้ง่าย ๆ ดังนี้
- มีเลือดออกหลังหมดประจำเดือน โดยเฉพาะในผู้หญิงอายุ 50 ปี ขึ้นไป
- ประจำเดือนมามากผิดปกติ คือมามากกว่า 7 วันต่อรอบ
- มีเลือดออกกระปริบกระปรอย ที่ไม่ใช่ประจำเดือน
- ในรายที่เป็นมากอาจมีอาการปวดท้องน้อย คลำได้ก้อนในท้องน้อย
หากมีอาการผิดปกติอย่างที่กล่าวไป ก็ควรปรึกษาแพทย์โดยทันทีนะคะ
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มีกี่ระยะ
การแบ่งระยะมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ใช้การแบ่งระยะของโรคตาม International Federation of Gynecology and Obstetrics (FIGO) ปี 2009 ซึ่งมีระยะหลัก ๆ 4 ระยะ คือ I, II, III, IV และใน 4 ระยะหลัก ก็ยังแบ่งออกเป็นระยะย่อย ๆ อีก ดังนี้
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะ I : มะเร็งจำกัดอยู่ที่ตัวมดลูก
- มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะ IA : มะเร็งอาจลุกลามเข้ากล้ามเนื้อมดลูกน้อยกว่าครึ่ง
- มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะ IB : มะเร็งลุกลามเข้ากล้ามเนื้อมดลูกมากกว่าหรือเท่ากับครึ่ง
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะ II : มะเร็งลุกลามเข้าเนื้อเยื่อปากมดลูก (Cervical Stroma)
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะ III : มะเร็งลุกลามเฉพาะที่หรือเฉพาะบริเวณ
- มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะ IIIA : มะเร็งลุกลามไปถึงผิวนอกมดลูกหรือปีกมดลูก
- มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะ IIIB : มะเร็งลุกลามไปถึงช่องคลอด และ/หรือเนื้อเยื่อข้างปากมดลูก
- มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะ IIIC : มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกราน และ/หรือต่อมน้ำเหลืองข้างหลอดเลือดเอออร์ตา
* มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะ IIIC1 : มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกราน
* มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะ IIIC2 : มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองข้างหลอดเลือดเอออร์ตา โดยอาจมีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกรานด้วยหรือไม่ก็ตาม
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะ IV : มะเร็งลุกลามไปที่เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะ หรือลำไส้ หรือแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ
- มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะ IVA : มะเร็งลุกลามไปยังเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้
- มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะ IVB : มะเร็งแพร่กระจายไปยังที่ต่าง ๆ ในช่องท้อง และ/หรือต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก รักษาได้ไหม
การรักษามะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกสามารถรักษาได้ ดังนี้
* การผ่าตัด
โดยผ่าตัดเอามดลูก ปากมดลูก ปีกมดลูก รังไข่และท่อนำไข่ออก ร่วมกับการล้างน้ำในช่องท้องและสุ่มตัดต่อมน้ำเหลืองไปตรวจ ซึ่งจะช่วยให้ทราบว่าผู้ป่วยอยู่ในมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกระยะใด และหากเป็นมะเร็งระยะไม่ลุกลาม ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาใด ๆ เพิ่มเติมอีก
* รังสีรักษา
หากพบว่ามะเร็งมีการลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง หลังผ่าตัดข้างต้นแล้ว ก็ต้องเข้ารับการฉายแสง หรือเคมีบำบัดร่วมด้วย ซึ่งการรักษาในขั้นตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษาด้วย
* ยาเคมีบำบัด
ในเคสที่มะเร็งลุกลามไปไกล จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีการประคับประคอง แพทย์มักจะให้ยาเคมีบำบัดหลังผ่าตัด ซึ่งผลการรักษาอาจไม่ค่อยดีนัก เพราะอาการของผู้ป่วยก็จัดว่าหนักแล้ว
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก อันตรายไหม
จริง ๆ แล้วมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกมักให้สัญญาณที่เด่นชัด คือการมีเลือดประจำเดือนออกมาก เป็นประจำเดือนนานเกิน 7 วัน หรือการมีเลือดออกจากช่องคลอดหลังหมดประจำเดือนไปแล้ว ซึ่งสัญญาณเหล่านี้จะทำให้เรารู้เท่าทันโรคและสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที และโอกาสหายจากโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกก็จะมาก แต่หากละเลยสัญญาณผิดปกติ จนมะเร็งลุกลามไปไกล โอกาสจะหายก็จะเหลือน้อยลงไป ดังนั้นสาว ๆ ทุกคนอย่าลืมสังเกตความผิดปกติของตัวเองกันด้วยนะคะ
หากสาวคนไหนมีประจำเดือนมามาก หรือมีเลือดออกที่ไม่ใช่ประจำเดือนก็อย่าละเลยสัญญาณเตือนเหล่านี้เด็ดขาด ยิ่งกับคนที่มีปัญหาประจำเดือนมาผิดปกติ ร่วมกับหน้ามัน ขนดก เป็นสิวมาก แสดงว่ามีภาวะฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ ควรรีบไปตรวจภายในและปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพจะดีกว่า