เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 2 คน แต่งกายเป็นผู้หญิงมุสลิม ขับขี่รถ จยย เป็นพาหนะ ขว้างระเบิดใส่
ในเพจ รายงานข่าวสถานการณ์ ภาคใต้ โพสต์ข้อความระบุว่า ด่วน คนร้ายสวมชุดคลุมเป็นผู้หญิงมุสลิม ปาระเบิดใส่จุดตรวจเจ้าหน้าที่
เมื่อ 13 มี.ค. 62 เวลา 10.30 น.เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 2 คน แต่งกายเป็นผู้หญิงมุสลิม ขับขี่รถ จยย. เป็นพาหนะ ขว้างระเบิดใส่ ชป.ตร.สภ.ยี่งอ ขณะตั้งจุดสกัดอยู่บริเวณ หลัง สภ.ยี่งอ ต./อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่ในเพจ กลุ่มต่อต้านมุสลิมหัวรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้ โพสต์ข้อความระบุว่า สัญลักษณ์ทางศาสนาอิสลามถูกนำมาใช้ก่อเหตุรุนแรงอีกครั้ง!!
ตามหลักศาสนาอิสลามการแต่งกายเลียนแบบผู้หญิงถือว่าเป็นบาป คนร้ายใช้เครื่องหมายสตรีอันมีเกียรติมาก่อเหตุรุนแรงกับเจ้าหน้าที่มันช่างไร้เกียรติยิ่งนัก
เช้านี้คนร้ายจำนวน 2 คน แต่งกายใส่เสื้อครุมสีดำแบบมุสลิมะห์ผู้หญิงขับขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟสีน้ำเงินเป็นพาหนะ ขว้างระเบิดชนิดแบบขว้าง(ไปร์บอม) ใส่ ชป.ตร.สภ.ยี่งอ แยกมณีชยางกูล ต./อ.ยี่งอ จว.นราธิวาส
ขณะเดียวกัน 13 มี.ค.62 เวลา 10.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงเหตุความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ที่ล่าสุดเกิดเหตุระเบิดหลายจุดที่จ.สตูลและจ.พัทลุงจะกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่ ว่า ไม่กระทบการท่องเที่ยว เพราะเป็นเหตุเล็กน้อย ส่วนมีรายงานพบว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ มาอยู่บริเวณภาคใต้ตอนบนมากขึ้นนั้น ตอนนี้กลุ่มก่อความไม่สงบถูกกองทัพภาคที่4 เข้าโจมตีกวาดล้างจนอยู่ไม่ได้ จึงเป็นการกระทำเพื่อสร้างความเบี่ยงเบนความสนใจ
เมื่อถามว่าต้องจัดหน่วยเฉพาะกิจไปดูแลภาคใต้ตอนบนเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้อง ส่วนการจับกุมตัว 8 ผู้ต้องสงสัยได้มีการสอบสวนอะไรเพิ่มเติมหรือไม่นั้น เรื่องดังกล่าวจะให้บอกทำไม ให้เจ้าหน้าที่เขาทำหน้าที่สอบสวนให้ละเอียดก่อน
ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้
ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุคิริน จังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง และจังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอแม่ลาน
ตามที่ได้มีการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุคิริน จังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง และจังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอแม่ลาน ตามประกาศลงวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถขยายผลการปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสามารถจับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงรวมทั้งสามารถคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น แต่ปรากฏว่ายังคงมีการก่อเหตุการณ์ร้ายแรงเพื่อสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่องอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงยังมีศักยภาพในการปฏิบัติการและยังมีความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงด้วยการใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ในพื้นที่เพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยมุ่งหวังให้เกิดการเกรงกลัวอันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยของประชาชนจนไม่อาจดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข
จึงสมควรขยายระยะเวลาในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทั้งของรัฐและของบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องใช้มาตรการตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ในการแก้ไขปัญหาให้ยุติลงได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุคิริน จังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง และจังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอแม่ลาน ออกไปอีกเป็นเวลาสามเดือน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
www.tnews.co.th