การวิจัยนี้เป็นผลงานจากบริษัท Tesla ร่วมกับ Jeff Dahn หนึ่งในผู้คิดค้นเทคโนโลยีแบตเตอรี่
สำหรับผู้ใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือสิ่งอำนวยความสะดวกยุคใหม่ทั้งหลาย พวกเราต่างคุ้นเคยกับแบตเตอรี่ที่ต้องเสียบชาร์จเป็นอย่างดี จึงสามารถเข้าใจได้ไม่ยากว่าหนึ่งในจุดอ่อนสำคัญที่สร้างความลำบากให้แก่ผู้บริโภคคือ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่
เราทราบดีว่าอุปกรณ์เกือบทุกชนิดที่มีการใช้งานแบตเตอรี่ในตัว เมื่อผ่านการใช้ไประยะหนึ่งแบตเตอรี่จะเสื่อมประสิทธิภาพ ไม่สามารถเก็บพลังงานได้เท่าที่ควรจนสุดท้ายไม่สามารถชาร์จเพิ่มเติมได้อีก เป็นปัญหาทำให้เราไม่สามารถใช้งานอุปกรณ์ชิ้นนั้นได้ยาวนาน
ถ้าเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแบตเตอรี่เป็นตัวเลือกรอง อาจสามารถใช้การเสียบปลั๊กเพื่อทดแทนได้ แต่ถ้าเป็นอุปกรณ์ที่พึ่งพาแบตเตอรี่เป็นหลัก เช่น โทรศัพท์มือถือ ตัวเลือกเดียวของเราคือเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เพื่อให้ใช้งานต่อ โดยสนนราคาอยู่หลักร้อยถึงหลักพันบาท
แต่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านั้นต่างกันด้วยประสิทธิภาพของตัวรถกว่าครึ่งอยู่ที่แบตเตอรี่ เมื่อเกิดการเสื่อมสภาพการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ย่อมหมายถึงค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ ในกรณีซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ค่าใช้จ่ายอาจพุ่งไปถึงหลายแสนบาทต่อคัน แม้แบตเตอรี่โดยมากจะมีอายุการใช้งานราว 6 – 8 ปีก็ยังถือเป็นราคาที่สูงมาก
ด้วยเหตุผลนี้หลายคนจึงยังลังเลหรือรู้สึกว่ารถยนต์ไฟฟ้ายังไม่ตอบโจทย์ ปัจจัยหลายอย่างเองก็ยังไม่เอื้ออำนวยรถยนต์ไฟฟ้ามากเท่ารถยนต์สันดาปแบบในทุกวันนี้ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่การขยายตัวของตลาดผู้ใช้รถประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีในปัจจุบัน ต่างยืนยันว่าหลายปัญหาต้องได้รับการแก้ไขในอนาคต
โดยเฉพาะแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าชนิดใหม่ที่อาจมีอายุการใช้งานได้นานถึง 100 ปี
การวิจัยนี้เป็นผลงานจากบริษัท Tesla ร่วมกับ Jeff Dahn หนึ่งในผู้คิดค้นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้งานกันในรถยนต์ไฟฟ้า ออกแบบแบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่มีศักยภาพสูงขึ้น โดยต้องการเพิ่มทั้งกำลังส่งจากแรงดันไฟฟ้า ปริมาณประจุที่เก็บกัก รวมถึงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้นานขึ้น
ข้อจำกัดสำคัญของแบตเตอรี่ลิเธียมไออนคือ อัตราการส่งผ่านพลังงานจากแบตเตอรี่มาสู่ตัวรถไม่สูงเท่าน้ำมัน นั่นทำให้อัตราการจ่ายพลังงานรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันน้อยกว่ารถยนต์สันดาป ด้วยความหนาแน่นอนของพลังงานภายในเชื้อเพลิงที่มีน้อยกว่านับร้อยเท่า
นั่นทำให้เกิดเป็นแนวคิดการสร้างแบตเตอรี่ชนิดใหม่ โดยอาศัยวัสดุอย่างนิกเกิลเป็นแกนหลัก ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการจ่ายกำลังไฟโดยรวมให้แก่รถยนต์ไฟฟ้า เพราะนิกเกิลมีขีดความสามารถในการจ่ายพลังงานสูง ทำให้เราสามารถขับเคลื่อนรถยนต์ได้โดยกินกำลังไฟน้อยกว่าเดิม
นอกจากนั้นแบตเตอรี่ที่ผลิตจากนิกเกิลยังทีความทนทานที่สูงกว่า เพราะเมื่อมีอัตราการจ่ายพลังงานสูงขึ้นจะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้ยาวนาน ลดอัตราการชาร์จซ้ำซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม จากการทดลองพบว่า ภายในอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส แบตเตอรี่นิกเกิลอาจมีอายุใช้งานได้ถึง 100 ปีเลยทีเดียว
ถึงนี่จะเป็นแค่ตัวต้นแบบ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอยู่ภายในห้องทดลอง ต้องผ่านการทดลองอีกสักพักจึงสามารถนำมาใช้งานจริง แต่ล่าสุดทาง Tesla ได้ตกลงความร่วมมือกับ Jeff Dahn ว่าจะร่วมมือกับพัฒนาแบตเตอรี่ชนิดใหม่อีกหลายปี จึงน่าดูชมว่า ภายใต้การพัฒนาครั้งนี้แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกยกระดับไปถึงไหน
จริงอยู่รถยนต์ไฟฟ้ายังคงมีข้อเสียและข้อจำกัดหลายประการ ด้วยนี่คือเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่งได้รับความใส่ใจในการพัฒนาไม่นานนัก แต่เห็นได้ชัดว่ารถยนต์ไฟฟ้าพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ทำให้ข้อเสียที่เคยมีในอดีตค่อยๆ หายไป
ที่สำคัญเราต่างทราบว่าข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ยังช่วยให้เราประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง, มีอัตราเร่งที่สูง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่น้อยกว่า รถยนต์ไฟฟ้าจึงถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ หากต้องการรถคุณภาพดีไว้ใช้งานสักค
ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ