ศูนย์วิจัยโรคปรสิต เตือนทาสแมว ระวังติดเชื้อโรคขี้แมวขึ้นสมอง
ศูนย์วิจัยโรคปรสิต เตือนทาสแมว ระวังติดเชื้อโรคขี้แมวขึ้นสมอง หลังพบผู้ป่วยชายอายุ 30 ปีมีรอยโรคขนาด 5 มิลลิเมตรที่ตาขวา และเกือบ 1 มิลลิเมตรที่ตาซ้าย โดยเชื้อจะก่อโรคทางตาส่วนหญิงตั้งครรภ์เสี่ยงแท้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจ PDRC ศูนย์วิจัยโรคปรสิต สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โพสต์ข้อความว่า ท่านที่ชอบเลี้ยงแมวต้องหมั่นตรวจสุขภาพ
ผู้ป่วยชายอายุ 30 ปีรายหนึ่งมีรอยโรคขนาด 5 มิลลิเมตรที่ตาขวา และขนาดเกือบ 1 มิลลิเมตรที่ตาซ้าย ผลตรวจต่างๆ มีความสัมพันธ์กับการโรค Chorioretinal Toxoplasmosis ที่เกิดจากติดเชื้อโรคขี้แมวขึ้นสมองหรือ Toxoplasma gondii
โดยเชื้อนี้มักพบในสัตว์เลือดอุ่นโดยเฉพาะแมว พบได้ทั่วโลก คนติดต่อโดยกินเนื้อที่ปรุงไม่สุก กินอาหาร ดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนมูลแมวที่มีเชื้อ การสัมผัสกับบริเวณดิน หรือกะบะเลี้ยงแมวแล้ว ล้างมือไม่สะอาด การถ่ายเลือด ปลูกถ่ายอวัยและถ่ายทอดผ่านรกจากแม่สู่ลูก
“การติดเชื้อชนิดนี้สามารถก่อให้เกิดอาการทางตา โดยเฉพาะเด็กที่เกิดมาพร้อมการติดเชื้อชนิดนี้ โรคนี้สามารถทำให้เกิดแผลเรตินาอักเสบ และเป็นรอย ทำให้เจ็บตา ทนแสงไม่ได้ เกิดการฉีกของเรตินา และสายตาพร่ามัว”
ในภาวะปกติ คนปกติผู้ที่ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการ หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด ต่อมน้ำเหลืองโต และกดเจ็บบริเวณศีรษะและคอ ปวดหัว มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ แต่ถ้าเป็นผู้ป่วย HIV หรือมะเร็ง อาจมีอาการที่รุนแรงขึ้น เช่น มึนงง มีไข้ ปวดหัว สายตาพร่ามัว ชัด คลื่นไส้ การประสานงานของร่างกายไม่ดี
หญิงตั้งครรภ์เสี่ยงแท้งถ้าติดเชื้อ
มีงานวิจัยรายงานว่า เชื้อนี้สามารถส่งผลกระทบต่อบุคคลิกภาพและพฤติกรรมโดยทำให้เกิดบุคลิกภาพแบบหวั่นไหว โรคจิตเภท โรคซึมเศร้า และมีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย แต่ก็มีรายงานวิจัยหลายฉบับเช่นที่แย้งในประเด็นเหล่านี้ จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ท่านที่ชอบคลุกคลีกับแมว ผู้ที่มีอาชีพฆ่าสัตว์ ชำแหละ และขายเนื้อสัตว์ ควรหมั่นตรวจสุขภาพตนเองเมื่อมีอาการดังข้างต้น หญิงตั้งครรภ์ ควรตรวจคัดกรองเมื่อครบตามกำหนด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่จะตามมา
สำหรับหญิงที่เคยติดเชื้อควรรออย่างน้อย 6 เดือนหลังการติดเชื้อ ก่อนจะตั้งครรภ์ เพราะการติดเชื้อระหว่างการตั้งครรภ์อาจทำให้แท้งเด็ก เด็กเสียชีวิตในท้อง หรือเด็กเกิดมาอาจมีศีรษะขนาดไม่ปกติ และเมื่อโตขึ้นอาจมีปัญหาทางระบบประสาท เช่น เสียการมองเห็น มีความบกพร่องทางสติปัญญา และชัก
เนื้อหา: thaipbs