หลังการประกาศล็อคดาวน์ปิดระบบเกือบทุกอย่าง ยกเว้นระบบสาธารณูปโภค
19 มี.ค. 63 หลังการประกาศล็อคดาวน์ปิดระบบเกือบทุกอย่าง ยกเว้นระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็นในประเทศมาเลเซียตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 รวมทั้งความเข้มงวดที่ห้ามชาวมาเลเซียเดินทางออกนอกประเทศ และห้ามคนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย แต่ยังให้คนต่างชาติเดินทางกลับออกมาได้ ส่งผลให้บรรยากาศบริเวณด่านพรมแดนของทั้ง 2 ประเทศเงียบเหงาเป็นอย่างมาก จะมีเพียงกลุ่มแรงงานไทยในประเทศมาเลเซียบางส่วนที่เดินทางกลับเข้ามาทางด่านพรมแดนไทย เช่นเดียวกับบริเวณจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ที่มีแรงงานไทยเดินทางกลับเข้ามา และได้รับการตรวจคัดกรองตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขก่อนเดินทางกลับภูมิลำเนา
ทั้งนี้แรงงานไทยจากประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ทางการมาเลเซียไม่ได้บังคับให้กลับออกมา แต่พวกตนรู้สึกว่าให้อยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรทำก็กลับมาอยู่ฝั่งไทยดีกว่าอย่างน้อยได้อยู่กับครอบครัว ซึ่งจากกรณีที่หลายคนกังวลว่าแรงงานไทยในมาเลเซียจะกลับมาพร้อมนำเชื้อไวรัส COVID-19 มาด้วยนั้น ก็แล้วแต่มุมมอง แต่เบื้องต้นตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศมาเลเซีย ทุกคนก็ตื่นตัวกับการป้องกันตัวเองอยู่แล้ว อีกทั้งในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้คิดจะออกไปไหน อยากอยู่กับครอบครัวมากกว่าเพราะไม่ได้กลับมาบ้านนานแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ศุภชาติ เวชพร ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 ทั้ง 3 ด่านของจังหวัดนราธิวาส มีคนไทยในประเทศมาเลเซียประมาณ 14,000 คน ชาวมาเลเซีย และคนต่างด้าวประมาณ 7,000 คน เดินทางเข้าออกไทย-มาเลเซีย รับการล็อคดาวน์ประเทศของมาเลเซีย โดยส่วนหนึ่งมีความกังวลว่าในห้วงล็อคดาวน์จะไม่สามารถเดินทางออกจากประเทศมาเลเซียได้ ซึ่งในข้อเท็จจริงด่านตรวจคนเข้าเมืองของทั้ง 2 ประเทศยังเปิดให้บริการตามเวลาปกติ เพียงแต่มีเงื่อนไขคือ ชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาเลเซียได้ แต่ออกมาไม่ได้ และคนต่างชาติ สามารถออกจากประเทศมาเลเซียได้ แต่ไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้ตั้งแต่วันที่ 18-31 มีนาคม 2563